“ถ้ามีหนี้หลายตัวแต่จ่ายได้แค่ขั้นต่ำเป็นสัญญาณว่าเราต้องหยุดสร้างหนี้ได้แล้ว”
06 Dec, 2023 / By
finrwealthbuilder
4 วิธีตั้งหลักปลดหนี้ สู้สภาพเศรษฐกิจ!
ด้วยสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้หลายคนที่เป็นหนี้อาจรู้สึกมืดแปดด้านไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นยังไงวันนี้เราจึงหยิบยก 4 วิธีดีๆในการเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อปลดหนี้จนมีโอกาสจะมีเงินออมได้สักครั้ง
คนที่เป็นหนี้สามารถจำแนกประเภทได้เหมือน “ผู้ป่วย” คือเป็น #ผู้ป่วยธรรมดา กับ #ผู้ป่วยขั้นโคม่า ซึ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือคนที่มีหนี้หลายก้อนแต่จ่ายเต็มจำนวนไม่ไหวต้องทยอยจ่ายขั้นต่ำไปเรื่อยๆแต่ก็ยังใช้ชีวิตชิลๆอยู่นี่แหละเป็นสัญญาณว่า #เราต้องหยุดสร้างหนี้ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นคุณจะกลายเป็นผู้ป่วยโคม่าในที่สุด
สัญญาณที่บ่งบอกว่าเราเป็นหนี้ขั้นโคม่าก็คือเมื่อนำรายได้มาหักลบกับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆปรากฏว่า “#ติดลบ” คือไม่ใช่แค่ไม่มีเงินเหลือแต่ถึงขั้นเงินไม่พอกินไม่พอใช้ต้องหยิบยืมคนอื่นเป็นวงจรไปเรื่อยๆถ้าอยากหลุดพ้นให้ลองทำตามนี้ดู
1. ตรวจสอบสภาพคล่อง ด้วยงบรายรับ-รายจ่าย ล่วงหน้า 3-6 เดือน
คนที่เป็นหนี้ย่อมรู้อยู่แล้วว่าการเงินกำลังติดลบแต่มักจะไม่รู้ว่าตัวเองติดลบอยู่เท่าไหร่จึงทำให้ตั้งหลักไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ดังนั้นต้องวางแผนกันก่อน อย่าเพิ่งคิดว่ามันเป็นเรื่องเสียเวลา เพราะการสู้หนี้โดยมีแผนย่อมดีกว่า
อันดับแรกให้เราตรวจสอบสภาพคล่องคือการทำรายรับ-รายจ่ายโดยเขียนออกมาว่าในอีก 3-6 เดือนข้างหน้าเราจะมี #รายได้เท่าไหร่ / #มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง / #มีเงินคงเหลือเท่าไหร่ เพื่อให้เห็นว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้แล้วเราค่อยวางแผนจัดการทีละเดือนๆ
2. ปรับลดเงินออมและภาระครอบครัว
ถ้าเงินออมตัวไหนเป็นภาคบังคับ เช่น ประกันสังคม กบข.ที่บังคับออมตามกฎหมายในอัตราที่กำหนดเราก็อาจจะปรับลดอะไรไม่ได้แต่ถ้าไม่ใช่เงินออมภาคบังคับเช่นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพถ้าเราออมเกินเปอร์เซ็นต์ขั้นต่ำก็ให้ปรับลดลงรวมถึงการออมแบบ DCA ที่ตัดเงินอัตโนมัติทุกเดือน ก็พักไว้ก่อนได้เพื่อให้เรามีเงินเหลือไปปลดหนี้พอหมดภาระแล้วค่อยกลับมาออมใหม่
นอกจากนี้ลองจับเข่าคุยกับครอบครัวเพื่อบอกสถานะทางการเงินพูดคุยร่วมกันว่าจะปรับลดอะไรได้บ้างรวมถึงเงินค่าเลี้ยงดูที่ส่งให้บุพการีด้วยคนที่รักกันจริงๆจะต้องเข้าใจและพร้อมให้ความร่วมมือ
3. เจรจา
หัวใจสำคัญที่สุดคือการเข้าไปเจรจากับเจ้าหนี้โดยแสดงความบริสุทธิ์ใจแจ้งเจตนาว่าเรายังต้องการชำระหนี้แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ทำให้เราจ่ายไม่ไหวจริงๆซึ่งบางคนอาจจะกลัวไม่กล้าคุยกับเจ้าหนี้แต่อย่าลืมว่าถ้าไม่เจรจาเลยเราก็ต้องอยู่ในสภาพเดิมต่อไป
ขอพักชำระหนี้
อันดับแรกหากเป็นไปได้ลองเจรจาขอพักชำระหนี้ทั้งก้อนคือหยุดจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแต่ก็ต้องเข้าใจด้วยนะครับว่าการพักชำระหนี้ดอกเบี้ยยังเดินอยู่เหมือนเดิมซึ่งเราจะต้องไปจ่ายตอนหลังแต่ข้อดีของมันคือหากเรามีหนี้หลายตัวหากเราขอพักชำระหนี้บางตัวไปได้ก็จะทำให้มีเงินเหลือไปปิดหนี้ก้อนอื่นๆ
ขอชำระเฉพาะดอกเบี้ย
แต่ถ้าขอพักชำระหนี้ไม่ได้แทนที่จะจ่ายค่างวดเต็มทุกเดือนก็ลองขอชำระเฉพาะดอกเบี้ยแต่ถ้าดอกเบี้ยและค่างวดใกล้เคียงกันมากก็อาจจะใช้วิธีถัดไปแทน
ขอลดค่างวดหรือขอลดดอกเบี้ย
ใช้ในกรณีที่ค่างวดและดอกเบี้ยมีจำนวนใกล้เคียงกันมากๆให้เราขอลดอย่างใดอย่างหนึ่งดูครับว่าสามารถทำได้ไหมและผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรบ้าง
ยืดระยะเวลาผ่อน (เจรจา+รีไฟแนนซ์)
ถ้าขอใช้วิธีอื่นแล้วไม่ได้จริงๆลองเจรจาขอยืดเวลาชำระหนี้ออกไป เช่น เปลี่ยนจากหนี้บัตรเครดิตทั้งก้อนเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล 48 เดือน เพื่อให้เราหายใจคล่องขึ้นหรือขอรีไฟแนนซ์ย้ายหนี้จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งซึ่งดอกเบี้ยใหม่ควรต่ำกว่าดอกเบี้ยเดิมอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง
แต่สิ่งสำคัญในการเจรจาเรื่องหนี้สินคือ #ระยะเวลา เราไม่ควรเดินไปบอกเจ้าหนี้ว่า “จ่ายไม่ไหวแล้ว ขอหยุดพัก” แต่ควรมีกรอบระยะเวลาแจ้งกับเจ้าหนี้ด้วย เช่น ภายใน 3 เดือนหรือ 6 เดือน เป็นต้น
4. วางแผนสร้างรายได้เพิ่ม
ถ้าพยายามทำทุกอย่างแล้วยังปลดหนี้ไม่ได้แสดงว่าเราอาจจะมีรายได้น้อยเกินไปต้องหารายได้เพิ่มเพื่อให้มีเงินชำระหนี้ได้มากขึ้นปลดภาระได้เร็วขึ้น
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “คนที่กำลังเป็นหนี้” ทุกคน