เรื่อง “เงิน” ไม่ว่าใครก็อยากมี ยิ่งถ้าทำให้เงินเติบโตขึ้นใครๆก็อยากฟังว่าทำอย่างไรให้เงินของเราเติบโตขึ้นได้เพียงพอกับเป้าหมายแต่ละเป้าหมายของเรา ดังนั้นเราต้องมีกลยุทธ์ที่ทำให้เราเติบโตด้วย ถ้ามีเงินแล้วเอาเงินฝังตุ่มเอาไว้หรือซุกไว้ใต้หมอน เงินของเราคงไม่เติบโต แล้วยังมีความเสี่ยงปลวกกินอีก ที่สำคัญโตตามเงินเฟ้อไม่ทัน เงินเราก็ด้อยค่าไปเรื่อยๆ ยิ่งเงินเฟ้อมากเท่าไหร่ เงินเรายิ่งด้อยค่ามากขึ้นเท่านั้น วันนี้เรามาแนะนำเทคนิคง่ายๆที่ทำให้เงินเราเติบโตขึ้น เหนือสิ่งอื่นใดการเติบโตต้องเติบโตแบบยั่งยื่นไม่ใช่เพียงแค่ชั่วครั้งชั่วคราวแล้วมีโอกาสที่จะขาดทุน หรือมีความเสี่ยงที่จะสูญเงินต้นไปด้วย ดังนั้นสิ่งที่แนะนำและพึงระลึกไว้เสมอว่าเราควรที่จะวางเงินของเราที่เราอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบไว้ในที่ปลอดภัย คือวางไว้ในที่ที่ตรวจสอบได้ มีมาตรฐานในการควบคุมจากภาครัฐ ไม่วางเงินไว้นอกระบบที่ไม่มีใครคอยกำกับดูแล เพราะมีความเสี่ยงสูญเงินได้สูงมาก ดังนั้นอย่า “ โลภ “ เทคนิคที่จะทำให้เงินเราเติบโตได้นั่นอีกปัจจัยสำคัญคือวินัยในการออมและลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และไม่หวังแต่ผลตอบแทนที่สูงเกินจริงด้วย นอกเหนือจากนี้แล้วปัจจัยที่จะทำให้เราเติบโตได้อย่างยั่งยืนคือ 1 เงินต้น เงินต้นคือหัวเชื้อ หากไม่มีเงินต้นแล้วคงไม่รู้จะทำอย่างไรดี เงินต้นไม่จำเป็นต้องมากมาย แต่ให้รู้จักเก็บเงิน หากเริ่มต้นไม่มีเงินเก็บเลยคงยากที่จะดำเนินการขั้นต่อไปได้ ถ้ามีเงินต้นจำนวนมากก็ถือว่าแต้มบุญดี หากยังไม่มีก็ไม่สายที่จะเริ่มเก็บ การเริ่มต้นเก็บ,ออมเงินเป็นสิ่งสำคัญที่ควร “รีบ” ลงมือทำ 2 ดอกเบี้ย เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เงินเติบโต ถ้าเราเอาเงินไปวางไว้ในที่ไม่มีผลตอบแทนเลย เปรียบเทียบกับเอาเงินเก็บไว้ในตู้เซพ เงินยังอยู่ครบ แต่ไม่เติบโต อีกทั้งยังด้อยมูลค่าไปด้วยจากผลของเงินเฟ้อ ถ้าเงินจำนวนเดียวกัน นำไปฝากธนาคารก็ได้ผลตอบแทนไม่มาก แต่มีความมั่นคง หรือเอาเงินจำนวนเดียวกันไปใส่ไว้ในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น เช่นกองทุนต่างๆ หุ้น ตราสารทุนต่างๆ ก็จะได้ผลตอบแทนที่มากขึ้น ในเวลาเดียวกันก็ต้องตระหนักเรื่องความเสี่ยงของสินทรัพย์แต่ละประเภทนั้นๆด้วย เช่น เงิน 1ล้านบาท ถ้าได้ผลตอบแทน1% จะใช้เวลา 72ปี จะมีเงิน2ล้านบาท ถ้าผลตอบแทน 3%จะใช้เวลา24ปี จะมีเงิน2ล้าน ถ้าผลตอบแทน 6%จะใช้เวลา12ปี จะมีเงิน2ล้าน ( Rule of 72 ) ดังนั้นเงินจะเติบโตได้ก็ต้องมีผลตอบแทนที่ดี และความเสี่ยงที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน 3 ระยะเวลาเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นการวางแผนการเงินแต่ละเป้าหมายต้องถูกกำหนดด้วยเวลา เช่น ลูกต้องใช้เงินเรียนอีกกี่ปีกว่าจะจบ ทำงานอีกกี่ปีจะเกษียณ เกษียณแล้วคาดการณ์ว่าจะใช้เงินไปอีกนานเท่าไหร่ เห็นไหมว่าเป้าหมายต่างๆจะถูกกำหนดด้วยระยะเวลา เช่นเดียวกัน การเก็บเงินก็ต้องอาศัยเวลาเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ว่าเก็บเงินวันนี้แล้วพรุ่งนี้เกษียณ จะต้องค่อยๆเก็บ และมีเวลาให้เงินทำงานด้วย ถ้าต้องการมีเงินไว้ใช้ตอนเกษียณอายุที่60ปี เป็นเงิน 5ล้าน(I=3%) หากเริ่มเก็บตอนอายุ 25 จะค่อยๆเก็บเดือนละ 6742บาท เริ่มเก็บตอนอายุ 40 จะค่อยๆเก็บเดือนละ 15230บาท เริ่มเก็บตอนอายุ 55 จะค่อยๆเก็บเดือนละ 77343บาท สังเกตว่า เริ่มเก็บตั้งแต่อายุยังน้อย ใช้เงินน้อยกว่า แล้วยังสร้างสิ่งที่เรียกว่า”วินัย”ในการออมด้วย หากใช้ระยะเวลาในการเก็บสั้น เงินที่จะต้องเก็บก็ก้อนใหญ่ขึ้น ดังนั้นปัจจัยทั้ง3ส่วนนี้เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเข้าใจและมีวินัยในการทำ จะทำให้เราวางแผนการเก็บเงินแบบสมาร์ทได้ง่ายๆ อยากปรึกษาการวางแผนการเงินหรืออยากเป็นที่ปรึกษาทางการเงินกดตามลิ้งค์ได้เลยค่าา แอดไลน์ https://lin.ee/Pcz69g0 https://www.finrwealthbuilder.com/ หรือ 02-0652550