หน้าหลัก > สาระน่ารู้วันนี้ > วางแผนการเงินต้นปีดีอย่างไร
วางแผนการเงินต้นปีดีอย่างไร
วางแผนการเงินต้นปีดีอย่างไร
18 Jan, 2023 / By finrwealthbuilder
Images/Blog/BzmyYvYK-323938765_512424624201862_5595189796413058167_n.jpg

   การวางแผนทางการเงินเป็นเรื่องที่ควรทำ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม อายุ เพศ หรืออาชีพอะไรก็ควรจะต้องวางแผน ซึ่งปีที่แล้วผ่านไปแล้ว ไม่เป็นไร ปีใหม่นี้ถือเป็น ฤกษ์งามยามดีที่จะเริ่มต้นวางแผนกัน วันนี้เราจะลองมาตั้งเป้าหมายของแผนการเงินโดยแบ่งแผนการเงินเป็น 3ระยะกันดู การวางเป้าหมายการใช้เงินเป็น3ระยะแบบนี้ จะส่งผลกับวิธีการเก็บเงินของเราด้วย อีกทั้งยังลดความเสี่ยงของและความผันผวนของเงินได้เป็นอย่างดี ดังนั้น คนคนนึงควรจะแบ่งเงินเป็น3ระยะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของการใช้เงินของแต่ละบุคคลด้วย เราจะจำแนกการวางแผนการเงินเป็น 3ระยะดังนี้

   ระยะสั้น คือแผนการเงินประมาณ 1-3ปี ส่วนใหญ่เป้าหมายระยะสั้นแบบนี้ เหมาะสำหรับแผนที่เราต้องใช้เงินแน่ๆในระยะสั้นๆ เช่น มีเป้าหมายที่จะซื้อของบางอย่างจำเป็น อาทิเช่นจะซื้อโทรศัพท์ ตู้เย็น เก็บเงินดาวน์บ้าน ดาวน์รถ แต่สิ่งสำคัญที่เราต้องจัดเก็บหรือสำรองไว้ก่อนเลยคือ “ เงินสดยามฉุกเฉิน “

   Emergency cash เงินสดยามฉุกเฉิน อันนี้สำคัญมาก ควรมีอย่างน้อย 3-6เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน ชื่อก็บ่งบอกถึงความสำคัญแล้วว่าเป็นเงินสดยามฉุกเฉิน เงินนี้ควรเก็บสำรองไว้ ถ้าไม่จำเป็นยังไม่ต้องไปดึงออกมาใช้ หากดึงออกมาก่อนเวลาอันควร พอถึงเวลาฉุกเฉินจริงๆ จะเหมือนคนตกน้ำแล้วขาดเสื้อชูชีพเลยทีเดียว

   ดังนั้น เป้าหมายระยะสั้นนั้นควรนำเงินไปไว้ในที่เวลาจะเอามาใช้แล้วสามารถให้ได้เลย ไม่ควรนำเงินไปวางในแหล่งที่ดึงออกมาใช้ยาก หรือมีความเสี่ยงในการขาดทุน

   ควรนำเงินเหล่านี้ไปเก็บไว้ ในสินทรัพย์ ประเภท ฝากออมทรัพย์ กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น กองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนตลาดเงินในประเทศ เพื่อสะดวกในการนำมาใช้และไม่ต้องกังวลเรื่องผลตอบแทนที่จะเสียไป การวางเงินในแหล่งเงินเหล่านี้จะได้ผลตอบแทนน้อยเป็นเรื่องปกติ เพราะวัตถุประสงค์ทางการเงินของเราคือใช้ในระยะเวลาสั้น หรือสามารถนำมาใช้ได้เลย ระดับความเสี่ยงที่แนะนำคือ 1-2

   ระยะกลางตั้งแต่3-5ปีไปไม่เกิน 10ปี ซึ่งบางคนอาจจะบอกว่าระยะกลาง แค่ไม่เกิน 5ปี ก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับแผนของแต่ละคน และอายุของแต่ละคนด้วย การวางแผนระยะกลางนี้มีวัตถุประสงค์ที่ซื้อสินค้าที่มีราคาสูงสักหน่อยที่ต้องใช้ระยะเวลาในการเก็บเงิน หรือการวางแผนจะไปเรียนต่อ วางแผนการศึกษาบุตรเป็นต้น การวางแผนในระยะกลางนี้จะมีเวลาในการที่จะให้เงินมีระยะเวลาในการเติบโตที่จะไปลงในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงที่สูงขึ้นไป เช่นกองทุนผสม ฝากประจำ กองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาล กองทุนรวมตราสารหนี้เป็นต้น การนำเงินลงไปในสินทรัพย์ดังกล่าวจะมีโอกาสที่มีผลตอบแทนที่สูงขึ้นได้ ซึ่งสามารถเลือกความเสี่ยงเป็น 4-5 ได้ ที่สำคัญยังไม่ควรลงในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงมาก เช่น สกุลเงินดิจิตอล ตราสารอนุพันธ์ เพราะอาจจะทำให้แผนการเงินที่วางแผนจะมีความเสี่ยงที่ไม่เป็นไปตามที่วางไว้ได้

   ระยะยาว ตั้งแต่5-10ปีเป็นต้นไป ซึ่งระยะเวลานี้อาจจะมีช่วงเวลาที่มีช่วงห่าง บางคนคิดว่า5ปีถือเป็นระยะยาว บางคนบอกว่า 10ปีคือระยะยาว ระยะเวลาตรงนี้อาจจะไม่ได้กำหนดตายตัว ขึ้นอยู่กับบุคคล และอายุของคนคนนั้นด้วย เพราะถ้าเราอายุที่60ระยะเวลา 5ปีก็ถือว่ายาวแล้วเนื่องจากแผนการที่จำเป็นต้องใช้เงินนั้นใกล้เข้ามามาก การวางแผนเหล่านี้ จะเป็นเป้าหมายที่เรามองไปถึงอนาคตหรืออาจจะเป็นช่วงเวลาที่ความจำเป็นในการใช้เงินยาวๆไปเช่น วางแผนเกษียณ วางแผนการศึกษาบุตรตอนที่จะเข้ามหาวิทยาลัยเป็นต้น เงินเหล่านี้คนส่วนใหญ่จะมีเป้าหมายที่เงินสามารถเติบโตได้ มีระยะเวลาให้เงินทำงานได้นานขึ้น ผลตอบที่คาดหวังสูงขึ้นได้ หรืออาจะเป็นเงินที่รอระยะเวลาในการใช้ได้เช่น RMF SSF กองทุนรวมผสม กองทุนรวมตราสารทุน หุ้น รวมถึงประกันชีวิตด้วย ในกลุ่มนี้หลายๆสินทรัพย์สามารถที่จะบริหารเกี่ยวกับแผนภาษีได้ด้วย เช่น RMF SSF ประกันชีวิต ที่มีสัญญาตั้งแต่ 10ปีขึ้นไป นอกจากได้ผลตอบแทนจากการลงทุนแล้ว ยังได้สิทธิในเรื่องภาษีด้วย จึงเป็นการวางแผนได้ถึง2ทอดเลยทีเดียว สามารถเลือกความเสี่ยงในการลงทุนได้ถึงระดับ 6เลยทีเดียว

   ดังนั้นการวางแผนทางการเงินคงต้องดูวัตถุประสงค์ของการใช้เงินของผู้วางแผนเป็นหลัก ไม่ได้เฉพาะเจาะจงทุกคนต้องเหมือนกัน แต่เป็นหลักการคร่าวๆที่จัดสรรเงินเป็นก้อนๆตามวัตถุประสงค์ ระยะเวลา เพื่อบริหารทั้งเรื่องความเสี่ยง และวิธีการที่จะจัดสรรเงินให้ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการใช้ หากจัดสรรเงินกระเป๋าเงินเรียบร้อยแล้ว ยังมีเงินเพียงพอก็สามารถลงสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นได้ เช่น สกุลเงินดิจิตอล ตราสารอนุพันธ์ต่างๆหรือสินทรัพย์ทางเลือกได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นควรจะจัดสัดส่วน ไม่เกิน 10%ของพอร์ตด้วย จะทำให้เราไม่อึดอัดและเครียดมากเวลาที่สินทรัพย์ต่างๆเหล่านี้เกิน crisis เกิดการผันผวนมากๆ

👉ทำไมเราจึงควรวางแผนตั้งแต่ต้นปี✨

   ในความเป็นจริงการวางแผนจะวางแผนเมื่อไหร่ก็ได้แล้วแต่ความพร้อมของแต่ละคน แต่การวางแผนตั้งแต่ต้นปี เหมือนการตัดริบบิ้นให้กับตัวเอง เพราะเราจะทราบรายได้ของเราว่าในปีนี้จะมีรายได้เท่าไหร่ เงินเดือนขึ้นเท่าไหร่ โบนัสออกมาแล้ว เราจะจัดสรรอย่างไร วางแผนภาษีให้กับตัวเอง ค่อยๆทยอยซื้อสินทรัพย์ที่ได้รับการยกเว้นภาษี หรือได้สิทธิทางภาษีด้วย พอวางแผนไว้ตั้งแต่ต้นปีทำให้เริ่มทยอยวางเงินในแต่ละสินทรัพย์ได้และเป็นการเฉลี่ยซื้อ ซึ่งทำให้ต้นทุนของราคาไม่สูงเกินไปด้วย หากวางแผนได้ดี เราจะมีโอกาสที่จะซื้อของได้ในราคาที่ถูกกว่าไปหาซื้อตอนปลายปีด้วย จึงเป็นเรื่องดีที่จะเริ่มวางแผนให้กับตัวเองตั้งแต่ต้นปี

   หากต้องการวางแผนการเงินอย่างเป็นระบบและเหมาะสมกับตัวเอง สามารถนัดปรึกษานักวางแผนการเงินมืออาชีพเพื่อวางแผนการเงินได้

Like
ความคิดเห็น (0)
ก่อนหน้า 1 ถัดไป